รมว.ยธ. เป็นสักขีพยาน DSI ส่งมอบทรัพย์สินที่ยึด อายัดในคดีพิเศษที่ 290/2565 กรณี หจก. พี มายเนอร์ คริปโตเคอเรนซี่ กรุ๊ป มูลค่ารวมกว่า 251 ล้านบาท ให้ ปปง. เฉลี่ยคืนผู้เสียหาย

 

407675

     ในวันนี้ วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. พลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 หน่วยงาน ได้เข้าร่วมแถลงข่าวการส่งมอบทรัพย์สินที่ยึด อายัด ที่ได้มาจากการกระทำความผิด กรณี ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี มายเนอร์ คริปโตเคอเรนซี่ กรุ๊ป กับพวก

              ได้ร่วมกันหลอกลวงชักชวนประชาชนให้เข้าร่วมลงทุนทำการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล (Crypto currency) และทำเหมืองขุดบิตคอยน์ (Bitcoin) โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนในอัตราร้อยละ 69.38 – 419.75 ต่อปี เป็นคดีพิเศษที่ 290/2565 ส่งมอบแก่สำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินการเฉลี่ยคืนเยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย ตามที่ได้มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.229/2568 โดยทรัพย์สินที่ส่งมอบให้สำนักงาน ปปง. ในคดีนี้ สืบเนื่องจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหาไว้มากกว่า 264 รายการ อาทิ เงินฝากในบัญชีธนาคารมากกว่า 113 ล้านบาท สินทรัพย์ดิจิทัล 49 ล้านบาท กรมธรรม์ประกันชีวิต บ้าน/ที่ดินตามโฉนดหลายสิบแปลง ห้องชุด รถยนต์หรูยี่ห้อ เช่น BENTLEY PORSCHE FERRARI LAMBORGHINI BMW รถจักรยานยนต์หรูยี่ห้อ HARLEY DAVIDSON, INDIAN เป็นต้น ซึ่งสำนักงาน ปปง. ได้มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.229/2568 ลงวันที่ 11 กันยายน 2568 ให้ยึด และอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว เพื่อดำเนินการมาตรการทางแพ่ง จำนวนทั้งสิ้น 264 รายการ รวมมูลค่ากว่า 251 ล้านบาท

407676

               ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. ได้เปิดให้ประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พีมายเนอร์ คริปโตเคอเรนซี่ กรุ๊ป กับพวก ยื่นคำร้องขอรับการเยียวยาความเสียหายต่อสำนักงาน ปปง. ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2568 ถึงวันที่ 23 ธันวาคม 2568 นี้

407678

             ในส่วนของการดำเนินคดี คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนปากคำประชาชนที่ได้รับความเสียหายแล้วจำนวน 630 ราย มูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้นประมาณ 870 ล้านบาท และรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ในความผิดฐาน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน ได้ขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาแล้ว จำนวน 4 ราย อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว

407677 407679

 

ที่มา PR กรมสอบสวนคดีพิเศษ  เรียบเรียงโดย พิสิษฐ์ จิตอาสา

——————————————————————————————————————————–

เรื่องน่าอ่าน